วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

เคยมั้ยเครียดจน (รู้สึกเหมือน) เส้นเลือดในสมองหวิดแตก


นี่ไม่ใช่บทความทางการแพทย์นะครับ แค่บันทึกความรู้สึก

หลายปีก่อน...

เคยได้ยินว่า ผู้กำกับเวทีชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานกับบริษัทของผม แกเคยมีอาการเครียดและโมโหจนหมอต้องสั่งห้ามโมโหและห้ามเครียดมาแล้ว ไม่งั้นเส้นเลือดในสมองจะโป่งพองจนแตกได้ ตอนแรกก็คิดว่า เพราะคุณผู้กำกับแกอายุมากแล้วหรือเปล่า? แกถึงออกอาการนั้น

แต่พอมาเจอเข้ากับตัว ผมว่ามันไม่เกินจริงเลยกับอาการเครียดจนเส้นเลือดในสมองจะโป่งพองจนจะแตกได้


ของคนอื่นเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ของผมมันเกิดจากปัจจัยเดียวเลยคือ มนุษย์
และมนุษย์ที่ว่าคือคนร่วมชาติไทยอย่างผมนี่แหละ และ "ความเป็นไทย" นี่แหละที่ทำให้ผมเครียดมากๆ คือ คนไทยบางคนก็มีความคิดแบบที่ว่า "ก็กูจะทำของกูอย่างนี้แหละ" ซึ่งไอ้ความคิดแบบนี้แหละที่ทำให้ผมแม่งโคตรเข้าใจความเครียดของคุณลุงผู้กำกับเป็นครั้งแรก

คืองานที่ผมทำนั้นคือ การประสานงานให้คน 2 กลุ่มทำงานคือ ผมต้องทำรายการญี่ปุ่นพากย์ไทย ไปส่งช่องทีวี ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมเครียดคือ ความล่าช้าของการทำงานที่ผมส่งให้เขาตั้งหลายวันแล้ว แต่กว่าจะมีหือมีอือ ว่าจะให้ทำยังไงต่อก็ช้ามากๆๆ มากจนผมยังสงสัยว่าที่ผ่านมาพวกพี่ทำอะไรกันอยู่ แต่ยังดีที่มีคำแนะนำหลุดมา คือ การให้ความระวังเรื่องตัวหนังสือที่ใช้ในรายการว่า

"เขียนถูกหลักการเขียน และ สะกดถูกต้องตามราชบัณฑิตยสถานหรือเปล่า?"

อ้าว แย่ละ

ที่ผ่านมาผมไม่ได้นึกถึงจุดนี้เลย ดังนั้นก่อนที่รายการจะถูกส่งเข้าไปช่องทีวีอีกครั้ง ผมก็คิดว่าเราควรจะแก้ไขงานให้ดีไปเลย ผมเลยขอให้ลูกน้องช่วยตรวจสอบและทำใบแก้ไขไปให้ "ซัพพลายเออร์" และพอลูกน้องผมทำเสร็จ ผมก็ส่งต่อให้ซัพพลายเออร์ทำต่อ แต่สักพักก็มีโทรศัพท์แจ้งว่า "ยังแก้ไม่หมด" ผมก็เริ่มปวดหัวละ คือ ลูกน้องผมก็แก้เยอะแยะแล้ว และตั้งใจทำด้วย ทำไมยังมีปัญหาอีก? และปัญหา 2 คือ "พี่คนทำ" แกบอกว่ากับลูกน้องแก (แล้วลูกน้องแกแอบติดต่อหาผมอีกที) ว่า "ถ้าลูกค้า (พวกผม) แก้มาไม่หมด เขาก็จะทำแค่นั้นแหละ" คือ มึงโคตร play safe ว่ะ คือ เวลาผมก็ไม่พออยู่แล้ว ถ้าเจออะไรตกหล่น มึงแจ้งกูได้นะว่ามึงจะแก้ไอ้นี่ไอ้นั่นเพิ่ม นี่มึงคืออะไร? นอกจากไม่แจ้งแล้วยังทำตาเบลอๆ ปล่อยงานให้ยังผิดต่ออีก ฟรัค...ถ้าช่องทีวีรีเจ็คงานอีกที จะแก้ให้มั้ยวะ?

ตอนนั้นผมแม่งเครียดมาก สมองผมปวดมาก แบบเหมือนมีกระแสไฟฟ้า หรือ ความเจ็บ แล่นไปทั่วสมองส่วนหน้าของผมเลย เครียดจนแบบว่า ถ้ามีโทรศัพท์บ่นอะไรอีกกริ้ง เส้นเลือดในสมองผมมันต้องแตกแน่นอน!! วันนั้นผมแม่งปิดโทรศัพท์หนี เลิกงานหนีไปนอนซักงีบ ผมคิดเลยว่าตอนนั้น ผมแม่งโคตรเข้าใจทำไม ซาลารี่มังของญี่ปุ่นมันถึงต้องไปดื่มเหล้าทุกเย็น แม่งคงเครียดแบบนี้แหละ

นั่นอาจเป็นแค่ความรู้สึกเว่อๆนะ
แต่ผมแม่งปวดสมองนี่ของจริงแน่นอน

เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น